เฟื่องฟ้า

ถ้าจะถามว่าในวงการไม้ประดับนั้น ไม้ประดับชนิดไหนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดอยู่ในขณะนี้ คำตอบก็เห็นทีจะหนีไม่พ้น “เฟื่องฟ้า” ที่ครองแชมป์ยอดฮิตติดอันดับ โดยที่ยังไม่มีไม้ประดับชนิดใดสามารถชิงแชมป์ไปได้เลยตลอดระยะเวลา 4-5 ปีมานี้ ทั้งนี้เพราะว่าเฟื่องฟ้าเป็นไม้ประดับที่มีคุณสมบัติพิเศษที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างเช่น
สีสัน มีมากมายหลายหลากสี และสีก็ล้วนแล้วแต่ค่อนข้างจะสวยสดงดงามบาดตาบาดใจเป็นส่วนใหญ่ ทรงพุ่มของลำต้นและกิ่งก้านก็อ่อนช้อย มีใบสีเขียวสด ไปช่วยแต้มแต่งให้สีดอกสวยเด่นยิ่งขึ้น ลักษณะสีสันตลอดจนรูปแบบของใบก็มีให้เลือกมากมายตามใจชอบ สามารถตัดแต่ง ดัดโน้มรูปทรงได้ตามความพอใจ การกลายพันธุ์ เฟื่องฟ้าสามารถกลายพันธุ์ทำให้เกิดพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งการกลายพันธุ์จากตาหรือบัดมิวเทชั่น (bud mutation) ซึ่งมีผลให้ตาที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมีลักษณะผิดแปลกแตกต่างไปจากต้นเดิม ทำให้เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา และกลายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด จึงเป็นที่น่าสนใจของบรรดาผู้เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ไม้ประดับทั่ว ๆ ไป ทั้งที่เป็นมืออาชีพและมือสมัครเล่นด้วยความสวยงามในรูปแบบที่หลากหลายนั้น ได้แพร่ขยายแผ่กระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ นี้เองทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกติดตาตรึงใจ ซึ่งมีผลให้เกิดแรงบันดาลใจให้เกิดกิเลสและตัณหาอยากจะปลูกเฟื่องฟ้าประดับประดาบ้านเรือนของตนเองให้เหมือนกับสวนสวรรค์ไม่น้อยหน้าใคร เฟื่องฟ้าปลูกเลี้ยงได้ตั้งแต่คนจนไปจนถึงเศรษฐีหรืออภิมหาเศรษฐี เฟื่องฟ้าเป็นไม้ประดับที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่กระถางละ 20 บาทขึ้นไปจนถึงโคตรแพงราคาต้นละเป็นหมื่นบาทขึ้นไปเรียกว่าใครมีเงินน้อยก็ลงทุนน้อย ใครมีเงินหนาก็ลงทุนเยอะหน่อย พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นไม้ที่คนจนก็มีสิทธิที่จะปลูกได้ ส่วนใครจะซื้อแบบกระถางเล็กหรือซื้อประเภทต้นตอเฟื่องฟ้าขนาดใหญ่ฟอร์มดี ๆ ก็ขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจในกระเป๋าของแต่ละคนว่า กระเป๋าใบโต ๆ หรือใบเล็กกระจิ๊ดริด และก็อย่างเพิ่งไปดูถูกดูแคลนพวกกระเป๋าใบจิ๋ว ๆ ก็แล้วกัน เพราะเผลอ ๆ เขาอาจจะดวงดีได้เป็นเจ้าของเงินแสนเงินล้านเพราะขายเฟื่องฟ้าให้คุณก็ได้ เรื่องอย่างนี้แล้วแต่ดวงใครดวงมัน ลงมีดวงเศรษฐีซะอย่างยังไง ๆ ก็ต้องเป็นเศรษฐีเข้าจนได้ เฟื่องฟ้าขยายพันธุ์ได้ง่าย เฟื่องฟ้าสามารถที่จะขยายพันธุ์ได้หลายรูปแบบ เช่น การปักชำ การตอน การเสียบยอด การติดตา และขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ซึ่งเกษตรกรและบุคคลที่สนใจทั่วไปก็สามารถที่จะปฏิบัติได้โดยไม่สู้จะยากเย็นมากนัก เฟื่องฟ้าปลูกง่ายเลี้ยงดูรักษาง่ายโรคแมลงศัตรูน้อย เฟื่องฟ้าเป็นไม้ประดับไม่ต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ประดับและไม้ดอกชนิดอื่น ๆ คือ เลี้ยงง่าย ตายยาก ขยายพันธุ์ง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม คือ ทนน้ำ ทนแล้ง สามารถปลูกขึ้นได้ในดินทั่วประเทศ เช่น ดินทราย ดินเหนียว ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินลูกรัง ไม่มีโรค และแมลงศัตรูพืชรบกวน สามารถนำไปปลูกเลี้ยงในกระถางได้เป็นอย่างดี จากปัจจัยและเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้นนั้น ทำให้เฟื่องฟ้าเป็นไม้ประดับที่ยืนหยัดครองความนิยมเหนือไม้ดอกไม้ประดับชนิดอื่น ๆ จนตราบเท่าทุกวันนี้ และยังมีความหมายที่ดีอีกด้วย สำหรับต้นนี้บอกเลยว่าดีดี๊สำหรับชาว ราศีพิจิกและราศีกุมภ์ เพราะเป็นดอกไม้ประจำราศีด้วย ส่วนความหมายจะแสดงถึงความสว่างไสวในชีวิต สดใสเบิกบาน ช่วยให้รุ่งเรืองมั่นคง เหมือนกับดอกเฟื่องฟ้าที่บานตลอดวันนั้นเอง
การปลูกเฟื่องฟ้า
โดยปกติแล้วเฟื่องฟ้าเป็นต้นไม้ที่ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดีและค่อนข้างจะทนแล้ง ปัจจุบันนี้เกษตรกรนิยมปลูกเฟื่องฟ้าลงกระถางมากกว่าวิธีอื่น ๆ เมื่อเฟื่องฟ้าที่ปักชำจนงอกรากดีแล้ว เกษตรกรก็จะนำมาลงกระถาง ขนาดปานกลาง 8 นิ้ว โดยใช้ส่วนผสมของดินดังต่อไปนี้
กาบมะพร้าวสับ 4 ส่วน
ดิน 2 ส่วน
แกลบ 1 ส่วน
ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
หญ้าคาสับ 2 ส่วน
การผสมดินสำหรับปลูกนั้นนิยมนำกาบมะพร้าวทั้ง 4 ส่วนมากองเกลี่ยลงบนลานดินหรือลานซิเมนต์ก่อนแล้วเทหญ้าคาที่สับแล้วทับลงไปเป็นชั้นที่ 2 จากนั้นก็เทแกลบ ปุ๋ยคอก และดินทับลงไปตามลำดับชั้น วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการคลุกเคล้าผสมดินปลูกเฟื่องฟ้าได้มากขึ้น
สำหรับสูตรผสมดินปลูกเฟื่องฟ้านั้น เกษตรกรบางราย จะใช้กาบมะพร้าวสับ 4 ส่วน ดิน 1 ส่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละบุคคล เมื่อย้ายเฟื่องฟ้าลงปลูกในกระถาง 8 นิ้วเรียบร้อยแล้วก็นำต้นเฟื่องฟ้าไปพักไว้ในที่ร่ม รำไร หรือบังไพร ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เฟื่องฟ้าคายน้ำมากเกินไป เพราะจะเหี่ยวเฉาตายได้ง่ายถ้าถูกแดดราดมากเกินไป หลังจากพักฟื้นเฟื่องฟ้าไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็นำเฟื่องฟ้าออกมาวางกลางแดดต่อไป
การรดน้ำและใส่ปุ๋ย
เฟื่องฟ้า เป็นไม้ประดับที่ไม่ชอบสภาพดินที่ชื้นแฉะเกินไป ฉะนั้นการรดน้ำพึงควรระมัดระวังอย่าให้แฉะเกินไปและควรวางกระถางเฟื่องฟ้าให้สามารถระบายน้ำได้สะดวก ส่วนมากเกษตรกรจะรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น สำหรับการให้ปุ๋ยนั้นจะใช้สูตรเสมอ 16-16-16 โรยรอบโคนต้นประมาณ 1 ช้อนแกงทุก ๆ 15 วัน และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามขนาดของต้นเฟื่องฟ้า ซึ่งจะสังเกตุได้จากความสมบูรณ์ของต้น ใบ และดอกเฟื่องฟ้า
การปลูกเฟื่องฟ้าโดยใช้ตอแขน
กิ่งของเฟื่องฟ้าที่เกษตรกรตัดมาจากต้นตอใหญ่ก็นำมาปักชำในขี้เถ้าแกลบ รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1 ครั้งทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 2 เดือน ก็จะแตกรากออกมา เกษตรกรจะใช้ฮอร์โมนเร่งรากหรือไม่ใช้ก็ได้ หลังจากนั้นย้ายลงกระถาง โดยใช้ดินผสมเช่นเดียวกับการปลูกเฟื่องฟ้ากิ่งเล็กและนำมาเสียบยอด จัดแต่งทรงพุ่มกันต่อไป
การปลูกเฟื่องฟ้าโดยใช้ “ต้นตอ”
ต้นตอเฟื่องฟ้าที่มีขนาดใหญ่นั้น ปัจจุบันนับวันก็จะหายากยิ่งขึ้นทุกที ซึ่งมีผลให้ราคาค่อนข้างจะสูง ส่วนมากแล้วจะเป็นต้นตอที่ขุดมาจากต่างจังหวัด ขนใส่รถบรรทุก 10 ล้อ มาขายให้กับบรรดาร้านขายไม้ดอกไม้ไม้ประดับอีกทอดหนึ่ง การปลูกเฟื่องฟ้าโดยใช้ตอใหญ่นั้นเกษตรกรนิยมตัดรากของต้นตอออกให้เหลือเพียงแต่โคนรากแล้วปลูกในกระถาง โอ่งมังกรขนาดใหญ่ อัดด้วยขุยมะพร้าวให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม แล้วนำไปวางไว้กลางแดด ถ้าหากเป็นต้นตอที่มีขนาดใหญ่ ใช้กระสอบป่านหุ้มพันกิ่ง แล้วรดน้ำให้ชุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งและต้นแห้งตาย รดน้ำตอนเช้าให้ชุ่มแต่อย่าให้ถึงกับแฉะและควรจะรดน้ำที่กระสอบป่านให้กระสอบชุ่มอยู่เสมอ หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน หรือ 2 เดือนกว่า ๆ เฟื่องฟ้าก็จะแตกกิ่งแล้วเราก็เลือกกิ่งที่จะเสียบยอดเพื่อจัดแต่งทรงพุ่มต่อไป
เมื่อขุยมะพร้าวยุบตัวก็ใช้ดินผสมชุดใหม่เติมลงไปให้เต็มกระถางอยู่เสมอและใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ใส่ต้นละ 1-2 กำมือทุก ๆ 15 วัน
การขยายพันธุ์เฟื่องฟ้าเพื่อการค้าในปัจจุบันนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การขยายพันธุ์เพื่อเป็นเฟื่องฟ้ากระถาง ตั้งแต่กระถางขนาด 8 นิ้วขึ้นไป จนถึงกระถางมังกร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเฟื่องฟ้ากิ่งเล็ก ซึ่งอาศัยการปักชำเป็นส่วนใหญ่
2. การขยายพันธุ์เฟื่องฟ้าประเภทติดตากับกิ่งที่แตกออกจากตอที่ปักชำในกระถางใหญ่และในขณะเดียวกันก็ทำมาค้าขายเฟื่องฟ้ากระถางดังข้อ 1 ไปด้วย
การขยายพันธุ์เฟื่องฟ้าตามข้อ 1 นั้นลงทุนน้อยกว่าการขยายพันธุ์เฟื่องฟ้าในลักษณะติดตาจากกิ่งที่แตกจากตอเฟื่องฟ้า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องลงทุนในการซื้อตอค่อนข้างจะสูง ฉะนั้นผู้ที่จะค้าขายเฟื่องฟ้าในลักษณะเช่นนี้จะต้องมีเงินทุนสูงกว่าลักษณะข้อ 1
ปัจจุบันนี้ตอเฟื่องฟ้าที่ขุดมาจากตามชนบทในเมืองไทยนั้นมีจำนวนลดลงไปมากจนถึงกับต้องมีการสั่งเข้ามาจากประเทศเขมร ทำให้ราคาของต้นตอเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีพ่อค้าไปรับเหมาซื้อบรรทุกรถสิบล้อมาขายต่ออีกทอดหนึ่ง บางต้นหรือบางตอราคาสูงถึง 3,000 -4,000 บาท ก็เคยมี แต่ถ้าหากติดตาและจัดรูปแบบให้สวยงามแล้ว อาจจะขายได้ในราคา 10,000 บาทขึ้นไปก็ได้ กำไรน่าดูชมเลย
ตอที่เป็นต้นนั้นเรียกว่า “ต้นตอ” ส่วนกิ่งเฟื่องฟ้าก็สามารถนำมาทำตอได้เรียกกันว่า “ตอแขน” เกษตรกรจะซื้อแล้วนำมาปักชำจนแตกกิ่งแล้วก็ติดตาขายได้ ราคากระถางละ 200-1,000 บาทขึ้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น